
บทความ HBOT 3 นิตยสาร “สกุลไทย”
โดย แพทย์หญิงจุลี จตุวรพัฒน์ – 2016-12-20 16:38:07 – หมวดความรู้ทั่วไป
ต้นฉบับ นิตยสาร “สกุลไทย”
คอลัมน์ “ให้ความรู้ คู่การรักษา”
************************************************************************************
ไฮเปอร์แบริกกับอัมพาตจากเส้นเลือดตีบตัน
อัมพฤก อัมพาต เป็นกลุ่มอาการที่ทุกคนรู้จักดี คือ มีอาการแขนหรือขา หรือทั้งแขนและขาอ่อนแรงไม่สามารถใช้งานดังเดิม เป็นโรคที่พบร่วมกับเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันสูง ลิ้นหัวใจรั่ว โรคหัวใจขาดเลือด
สาเหตุ เกิดเนื่องจากขาดเลือดไปเลี้ยงสมอง เพราะมี
- 1.เส้นเลือดในสมองตีบตันเนื่องจาก มีก้อนเลือด หรือ ก้อนไขมันไปอุดตัน
- 2.เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองแตก เนื่องจากความดันโลหิตสูงมาก
เมื่อเส้นเลือดในสมองตีบตันเนื้อสมองส่วนที่เส้นเลือดไปเลี้ยงจะขาดเลือดรวมทั้งอาหารและออกซิเจน ถ้าเส้นเลือดที่ตีบตันเป็นเส้นเลือดเล็กสมองที่ขาดเลือดจะเป็นบริเวณน้อยอาการแสดงก็ไม่มากอาจเป็นเพียง ชาแขน ขา หรืออ่อนแรงเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นเส้นเลือดใหญ่ ที่เลี้ยงสมองบริเวณกว้าง อาการก็มีมากตามลำดับ ขึ้นอยู่กับว่าสมองส่วนนั้นทำหน้าที่อะไร เช่น สมองซีกซ้าย นอกจากจะควบคุมการทำงานของแขนขาแล้วยังควบคุมการพูดด้วย สมองส่วนหน้าจะควบคุมเกี่ยวกับความจำ สมองส่วนซีรีเบลรัมจะทำหน้าที่การทรงตัว การกะระยะ ทุกตารางเซนต์ของสมองมีความสำคัญกันคนละอย่าง เราไม่สามารถสูญเสียส่วนใดได้เลย
สมองต้องการเลือดมาหล่อเลี้ยง 500-600 ซีซี ต่อ 1 นาที (คิดเป็น 25% ของเลือดที่ร่างกายต้องการใช้) จะมีเลือดไหลเวียนผ่านสมอง 1 ลิตรทุกๆ 1 นาที ถ้าการไหลเวียนติดขัด เพียง 6 วินาที เส้นประสาทในสมองจะมีการเปลี่ยนแปลงในขบวนการเผาผลาญของเซลล์ และการทำงานจะเริ่มติดขัดเมื่อขาดเลือด 2 นาที เมื่อเข้านาที ที่ 5 สมองจะถูกทำลาย
เมื่อเส้นเลือดในสมองอุดตัน 1 เส้น ไม่ได้หมายความว่าจะขาดเลือดทันที เพราะสมองมีเส้นเลือด รอบๆ เส้นอื่นมาช่วยเลี้ยงด้วย สมองจะสามารถทำงานได้อีกระยะหนึ่งด้วยเลือดเพียง 50% ของที่เคยได้รับ สมองก็ยังสามารถทำงานตามปกติได้ เซลล์สามารถยังคงรูปร่างเดิมด้วยเลือดเพียง 20% และถ้าได้รับเลือดเพิ่มตามจะกลับมาทำงานได้ตามปกติ ถ้าได้รับเลือดน้อยกว่า 20% เซลล์จะถูกทำลาย ไม่สามารถคงรูปร่าง และสมรรถภาพได้ตามเดิม

เนื้อสมองที่อยู่ในสุดติดกับเส้นเลือดที่ตีบตันซึ่งมีเลือดมาเลี้ยงน้อยกว่า 20% จะขาวซีด สูญเสียรูปร่างและการทำงานจะตายก่อนส่วนอื่นบริเวณถัดมาเป็นบริเวณที่หยุดการทำงานแต่ยังได้รับเลือด 30% (แต่รูปร่างเซลล์ยังคงเดิม)จะเห็นว่าปริมาณออกซิเจนที่ลดต่ำมีผลต่อการทำงานของสมองมากกว่าเลือดที่ไปเลี้ยง และเซลล์มีบริเวณนี้เองที่สามารถฟื้นกลับมาทำงานได้ดังเดิม ถ้าได้ออกซิเจนไปเลี้ยงอีก
บริเวณรอบนอกสุดยังคงมีเลือดจากเส้นเลือดรอบๆ มาช่วยหล่อเลี้ยงอีก 50% จะยังคงสมรรถภาพการทำงานได้ดังเดิม
การรักษาด้วยวิธีไฮเปอร์แบริก เป็นการให้ออกชิเจนบริสุทธ์100% ในห้องที่เพิ่มความดันอากาศทำให้ร่างกายได้รับออกชิเจนเพิ่มเติม
การให้การรักษาด้วยไฮเปอร์แบริกในผู้ป่วยที่มีเลือดอุดตันในสมองสามารถช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพสมองได้ ด้วยกลไกต่อไปนี้
1.ออกชิเจนสามารถละลายในกระแสเลือดได้โดยไม่ต้องอาศัยตัวพาออกชิเจน ซึ่งอยู่ที่เม็ดเลือดแดง (ฮีโมโกลบิน) ทำให้ออกซิเจนไปสู่ส่วนต่างๆ ได้มากถึง 20 เท่า
2.ออกชิเจนสามารถซึมแพร่ออกจากเส้นเลือดไปยังเนื้อเยื่อข้างเคียงได้ เนื่องจากสมองมีเส้นเลือดหล่อเลี้ยงเป็นจำนวนมาก การซึมแพร่ของออกชิเจนด้วยวิธีนี้เพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงสมองเมื่อมีเส้นเลือดตีบตัน
3.เมื่อเนื้อเยื่อได้รับออกชิเจนจะช่วยลดความหนืด (viscosity) ของเลือด ลดการเกาะตัวกันของเกร็ดเลือด และช่วยให้เม็ดเลือดแดงยืดหยุ่นตัวได้ดี ทำให้เลือดไหลเวียนคล่องขึ้น
4.ลดการบวมของเนื้อสมอง โดยทำให้เส้นเลือดหดเล็กลงส่งผลให้ลดการเสียน้ำออกนอกเส้นเลือด สมองจึงยุบบวมลง
5.ลดบวมของเซลล์สมอง (neuron) ทำให้ขบวนการเผาผลาญในเซลล์ดีขึ้น และเป็นปกติได้ในที่สุด
6.เติมออกชิเจนให้กับสมอง (ส่วน Prenumba ซึ่งเป็นบริเวณที่เซลล์สลบอยู่) ซึ่งสมองหยุดทำงาน ชั่วคราวสามารถฟื้นกลับมาได้ดังเดิม
กรณีที่เป็นอัมพฤก อัมพาตมานานแล้ว การรักษาด้วยไฮเปอร์แบริกยังช่วยให้ลดอาการเกร็งของแขนขาที่ด้านเป็นอัมพาตได้ดี แต่ควรทำร่วมกับกายภาพบำบัดจะให้ผลดีมาก
ฉบับต่อไปพบเรื่อง “ไฮเปอร์แบริกกับภาวะสมองพิการในเด็ก” ค่ะ
พญ.จุลี จตุวรพัฒน์
ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์ สาขาต่อมไร้ท่อฯ
ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ไฮเปอร์แบริก

